“ธรรมสถานบ้านโพธิ์ทอง” ตั้งอยู่หมู่ ๑๒ ต.จระเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี (ใกล้ตลาดเขต) เป็นแหล่งรวมใจรวมศรัทธาของญาติโยมในบริเวณใกล้เคียงและญาติโยมที่อยู่ไกลแต่มีใจศรัทธาแรงกล้า ในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีญาติโยมมาร่วมกันทำบุญอย่างเนืองแน่น กิจกรรมที่ญาติโยมให้ความสนใจและตั้งตารอคอยคือ การฟังพระธรรมเทศนา โดยหลวงปู่ท่านต่างๆ ที่เดินทางมาโปรดญาติโยมอยู่อย่างสม่ำเสมอ
พระอาจารย์อุทัย อุทโย เจ้าสำนัก จะเน้นการก่อสร้างแบบเรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติที่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่นิยมที่จะบอกบุญญาติโยม เพราะไม่ได้ทำอะไรใหญ่โตเกินความจำเป็น อะไรขาดก็ค่อยๆ สร้างเพิ่ม ไม่เร่งรีบที่จะสร้างใหญ่โต เน้นความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะทางเดินจงกรมนั้น พระอาจารย์อุทัยได้สร้างเป็นสะพานไม้ทอดยาวอยู่ในร่องสวน
ทั้งนี้เมื่ออาทิตย์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๖ ธรรมสถานบ้านโพธิ์ทองได้จัดให้มีพิธีเททองหล่อ "พระไตรโลกนาถศรีโพธิ์ทอง" ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ปางชนะมาร เนื้อสำริด หน้าตัก ๑๐๙ นิ้ว (๒.๗๗ เมตร) สูง ๔.๗๗ เมตร ณ ลานพระมหาเจดีย์พระธาตุโพธิ์ทอง เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระมหาเจดีย์ ปรากฏว่ามีคณะศรัทธาจากสารทิศไปร่วมงานอย่างล้นหลาม
ส่วนโครงการใหญ่ คือ "ก่อสร้างองค์พระมหาเจดีย์" องค์พระมหาเจดีย์ออกแบบโดย อาจารย์สมบัติ วงศ์อัศวนฤมล จากมหาวิทยาลัยศิลปากร นั้นความสูงขององค์พระมหาเจดีย์แล้วแต่ดุลพินิจของผู้ออกแบบ ซึ่งได้ออกแบบมาแล้วมีความสูงที่ ๔๓ เมตร รวมความสูงของฉัตรอีก ๕ เมตร รวมเป็น ๔๘ เมตร ทั้งนี้ บริษัท ส.บุญมีฤทธิ์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโดยทำการประมาณราคาไว้ที่ ๕๗ ล้านบาท หลังจากพิธีวางศิลาฤกษ์บริเวณที่จะมีการสร้างพระเจดีย์กันเรียบร้อยแล้ว ในลำดับต่อไปถึงขั้นตอนของการลงฐานรากพระมหาเจดีย์ ซึ่งขณะนี้พระอาจารย์อุทัย อุทโย ได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างจัดทำรายการเสาเข็มที่จะต้องใช้ในการวางฐานรากพระมหาเจดีย์มาให้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ธรรมสถานบ้านโพธิ์ทองได้จัดให้มีการทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อนำปัจจัยเข้าสมทบทุนปฏิสังขรณ์เสนาสนะ ซึ่งขณะนี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา และในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๐.๐๐ น. จะมีพิธียกเสาเอกพระมหาเจดีย์ ฉลองพระไตรโลกนาถศรีโพธิ์ทองที่หล่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งฉลองวิหารหลังใหม่ สถานที่ประดิษฐานพระไตรโลกนาถศรีโพธิ์ทองชั่วคราวก่อนที่จะนำเข้าไปเป็นพระประธานในพระมหาเจดีย์
สำหรับท่านต้องการสถานที่เงียบสงบเพื่อฝึกสมาธิ และนั่งภาวนา ขอเชิญ ณ สถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เปิดรับศรัทธาผู้จะมาปฏิบัติธรรมจากทั่วสารทิศ โดยไม่มีข้อจำกัดหรือข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น หรือร่วมบุญสร้าง สอบถามข้อมูลได้ที่ พระอาจารย์อุทัย อุทโย โทร.๐๘-๐๗๗๔-๕๙๖๘ หรือโอนเงินเข้าธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดเขต ชื่อบัญชี พลอากาศเอกปรีชา นิยมไทย เลขที่บัญชี ๕๔๓-๒๓๒๔๖๐-๖
ภาพ/ข่าว จาก คมชัดลึก
พระเครื่อง วัตถุมงคล จากสุดยอดเกจิชื่อดังของประเทศ พิธีพุทธาภิเษกสุดเข้มขลัง พุทธคุณยอด ชนวนมวลสารดี
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
น้ำมนต์ โดยพระธรรมกิตติวงศ์
ในบทสวดพระปริตรเจ็ดตำนาน หรือบทสวดสิบสองตำนาน มีอยู่บทหนึ่งที่สำคัญ คือบทรัตนปริตร หรือบทรัตนสูตร ด้วยหากจะทำพิธีเจริญน้ำพระพุทธมนต์ จะขาดบทนี้ไม่ได้ขั้นตอนการประกอบพิธีเจริญน้ำพระพุทธมนต์ พระภิกษุจะตั้งขันน้ำที่จะนำมาประกอบพิธีเจริญน้ำพระพุทธมนต์ในเขตบริเวณพิธี ล้อมรอบด้วยสายสิญจน์ จุดเทียน และสวดเจริญพระพุทธมนต์เมื่อสวดมาถึงบทรัตนสูตร ให้พระเถระที่เป็นประธานสงฆ์หยดเทียนน้ำมนต์ ในตอนเริ่มบทที่มีคำสวดขึ้นต้นว่า
"ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วายานิวะ อันตะลิกเข สัพเพวะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ..."
เมื่อจะดับเทียนน้ำพระพุทธมนต์ ให้ดับในท้ายบทรัตนสูตร มีคำสวดลงท้าย ดังนี้
"...ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วายานิวะ อันตะลิกเข, ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆังนะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุฯ"
บทรัตนสูตรเป็นบทที่ว่าด้วยอานุภาพแห่งรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมืองไพสาลี ประสบภัยพิบัติร้ายแรง ๓ ประการ คือ โรคระบาด อมนุษย์ และความฝืดเคืองเรื่องอาหารชาวเมืองไพสาลีนิมนต์พระพุทธเจ้า ให้มาช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ
ครั้นเมื่อได้ตอบรับคำทูลเชิญและเสด็จไปเมืองไพสาลี ทรงตรัสเรียกพระอานนท์ ว่า "อานนท์ เธอจงเรียนเอารัตนสูตรนี้แล้วไปสวดในกำแพงเมือง"
พระอานนท์เถระเมื่อได้เรียนรัตนสูตรแล้ว ก็ถือบาตรน้ำมนต์ของพระพุทธองค์ ไปยืนอยู่ที่ประตูเมือง รำลึกถึงพระพุทธคุณ จากนั้นจึงประพรมน้ำมนต์ไปทั่วพระนครภัยทั้ง 3 ประการในเมืองไพสาลีก็อันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ชาวเมืองที่กำลังเจ็บไข้ก็ทุเลา
คำว่า "น้ำมนต์" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายไว้ว่าน้ำมนต์ คือน้ำที่ผ่านพิธีน้ำมนต์มาแล้ว น้ำที่เสกเพื่ออาบ กิน หรือประพรม เป็นต้น ใช้ว่าน้ำมนตร์ ก็มี น้ำมนต์ ปกติจะสำเร็จด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ในงานพิธีมงคลต่างๆ หรือการเสกของพระภิกษุหรือคฤหัสถ์ผู้ทรงวิทยาคุณ กล่าวคือผ่านการทำสมาธิที่แน่วแน่และพระปริตที่เป็นมนต์ทางศาสนามาแล้ว น้ำมนต์ นิยมนำมาอาบ ดื่ม หรือประพรมที่ศีรษะ ภายในบ้าน บริเวณบ้าน ป้ายร้านค้า เป็นต้น โดยนับถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นน้ำสิริมงคล นำความสวัสดีมีโชคมาให้ ตลอดถึงกำจัดปัดเป่าอัปมงคล อันตราย ภัยพิบัติต่างๆ ได้
น้ำมนต์ เมื่อเวลาเรารู้สึกดวงไม่ดี มีเคราะห์ หรือเจ็บป่วย นำพระกริ่งปวเรศ หรือพระกริ่ง (องค์แทนพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาสพุทธเจ้า) อาราธนาบารมีของพระองค์ท่านทำน้ำพระพุทธมนต์ ดื่ม รด อาบ กินเพื่อความสวัสดี มีชัยปราศจากโรคภัยและเคราะ
ที่มาบทความจาก : คมชัดลึก
"ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วายานิวะ อันตะลิกเข สัพเพวะ ภูตา สุมะนา ภะวันตุ..."
เมื่อจะดับเทียนน้ำพระพุทธมนต์ ให้ดับในท้ายบทรัตนสูตร มีคำสวดลงท้าย ดังนี้
"...ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิ วายานิวะ อันตะลิกเข, ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆังนะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุฯ"
บทรัตนสูตรเป็นบทที่ว่าด้วยอานุภาพแห่งรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมืองไพสาลี ประสบภัยพิบัติร้ายแรง ๓ ประการ คือ โรคระบาด อมนุษย์ และความฝืดเคืองเรื่องอาหารชาวเมืองไพสาลีนิมนต์พระพุทธเจ้า ให้มาช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ
ครั้นเมื่อได้ตอบรับคำทูลเชิญและเสด็จไปเมืองไพสาลี ทรงตรัสเรียกพระอานนท์ ว่า "อานนท์ เธอจงเรียนเอารัตนสูตรนี้แล้วไปสวดในกำแพงเมือง"
พระอานนท์เถระเมื่อได้เรียนรัตนสูตรแล้ว ก็ถือบาตรน้ำมนต์ของพระพุทธองค์ ไปยืนอยู่ที่ประตูเมือง รำลึกถึงพระพุทธคุณ จากนั้นจึงประพรมน้ำมนต์ไปทั่วพระนครภัยทั้ง 3 ประการในเมืองไพสาลีก็อันตรธานไปอย่างรวดเร็ว ชาวเมืองที่กำลังเจ็บไข้ก็ทุเลา
คำว่า "น้ำมนต์" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ราชบัณฑิต และเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้ให้ความหมายไว้ว่าน้ำมนต์ คือน้ำที่ผ่านพิธีน้ำมนต์มาแล้ว น้ำที่เสกเพื่ออาบ กิน หรือประพรม เป็นต้น ใช้ว่าน้ำมนตร์ ก็มี น้ำมนต์ ปกติจะสำเร็จด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ในงานพิธีมงคลต่างๆ หรือการเสกของพระภิกษุหรือคฤหัสถ์ผู้ทรงวิทยาคุณ กล่าวคือผ่านการทำสมาธิที่แน่วแน่และพระปริตที่เป็นมนต์ทางศาสนามาแล้ว น้ำมนต์ นิยมนำมาอาบ ดื่ม หรือประพรมที่ศีรษะ ภายในบ้าน บริเวณบ้าน ป้ายร้านค้า เป็นต้น โดยนับถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นน้ำสิริมงคล นำความสวัสดีมีโชคมาให้ ตลอดถึงกำจัดปัดเป่าอัปมงคล อันตราย ภัยพิบัติต่างๆ ได้
น้ำมนต์ เมื่อเวลาเรารู้สึกดวงไม่ดี มีเคราะห์ หรือเจ็บป่วย นำพระกริ่งปวเรศ หรือพระกริ่ง (องค์แทนพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาสพุทธเจ้า) อาราธนาบารมีของพระองค์ท่านทำน้ำพระพุทธมนต์ ดื่ม รด อาบ กินเพื่อความสวัสดี มีชัยปราศจากโรคภัยและเคราะ
ที่มาบทความจาก : คมชัดลึก
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556
นกถึดทือตำหรับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
นกถึดทือ เป็นนกเค้าแมวขนาดใหญ่ ลำตัวยาวประมาณ ๕๕ เซนติเมตร หนักประมาณ ๒-๒.๕ กิโลกรัม ตัวผู้เล็กกว่าตัวเมียเล็กน้อย ลำตัวใหญ่คล้ายนกเค้าใหญ่ แต่แข้งเปลือยไม่มีขนปกคลุม สีเหลืองแกมเขียว ปากเทาแกมเขียว ตาเหลือง หัวและกระหม่อมมีลายขีดสีเข้ม ลำตัวด้านบนน้ำตาลเข้มแกมเทาเล็กน้อย ลำตัวด้านล่างน้ำตาลแกมส้ม มีลายขีดบางๆ จากแกนขนสีดำและมีลายขวางบางๆ จากลายขนสีคล้ำ คอแกมขาว หน้าผากและโคนปากไม่มีขนสีขาว เสียงร้องทุ้มต่ำดัง "ฮูป-ฮูป-ฮู" สองเพศมีลักษณะคล้ายกัน
ในการจัดสร้างเครื่องราง นกถึดทือ เจ้ามือวิ่งหนี หรือ นกถึดทือ กระพือเรียกลาภา จัดเป็นเครื่องรางที่แทบจะกลายเป็นตำนาน เจ้าตำรับคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ
มีเรื่องเล่ากันว่า สมัยก่อนหลวงปู่ศุข มาพักที่วังนางเลิ้งของเสด็จในกรม พอเสด็จในกรม และพระชายา เข้าไปกราบแล้ว ก็เหลือบรรดานายทหาร และคนรับใช้ประจำวัง เข้าไปกราบ หลายคนขอพระเครื่อง ตะกรุดสารพัด แต่อีกหลายคนติดเบี้ยบ่อน มาขอของดีหลวงปู่ศุข ไปแก้มือ ไปล้างแค้นเจ้ามือ ท่านจะไม่ให้พระ แต่จะเขียนยันต์นกถึดทือให้ไป ปรากฏว่า เจ้ามือทั้งนางเลิ้ง พระนคร สี่กั๊ก ยันเสาชิงช้า ต้องปิดบ่อนหนีบรรดาศิษย์นกถึดทือหมด แก้มือสำเร็จ ร่ำรวยไปตามๆ กัน จนเจ้ามือขยาด ถ้ารู้ว่าเป็นพวกนกถึดทือ จากวังนางเลิ้ง จะไม่รับเข้าไปเล่น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าตำนานเก่า ยืนยันว่า วิชาดี มีอยู่จริง เป็นของเล่นอริยะ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เป็นเพียงเศษฝุ่นติดเท้าหลวงปู่ศุขท่านเท่านั้น ถามว่าวิชานี้มีประโยชน์อะไร ตอบว่า พระโบราณต้องมีไว้ เพราะสมัยก่อน คนติดบ่อน ติดฝิ่น มีมาก เอาเงินเอาเบี้ยไปประเคนเจ้ามือหมด เจ้ามือก็รีดไถคนจนๆ วิชานี้ ไว้ปราบเจ้ามือขี้โกง ไว้ปราบเศรษฐีเห็นแก่ได้ เพราะบรรดาเบี้ย บ่อนสมัยก่อน ก็ล้วนเสาะหาอาจารย์ดี วิชาดี เพื่อเรียกลูกค้า ให้มาเสียเงินให้มากๆ เหมือนกัน วิชานกถึดทือ ของหลวงปู่ศุข จึงเป็นวิชาเสี่ยงโชค โชคลาภ แก้เผ็ด คล้ายย้อนรอย หนามยอกเอาหนามบ่ง ชนะอาจารย์ และวิชาประจำบ่อนเบี้ยทั้งหมด
ปัจจุบัน คนหาเช้ากินค่ำกันมาก บางคนชอบเสี่ยงโชค บางคนชอบเล่น ชอบพนัน ซ้ำบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านมีมากมาย หลายคนหอบเงินแสนเงินล้านไปเสี่ยงโชค และเสียมากกว่าได้ เพราะบ่อนเหล่านี้ก็เสาะหาอาจารย์ดี วิชาดี ที่จะเรียกคนเรียกเงินเข้ามาเหมือนกัน เห็นที นักเล่น นักปราบเจ้ามือ ต้องนำนกถึดทือ ไปปราบเจ้ามือ ให้รู้จักหลาบจำเสียบ้างแล้ว
นกถึดทือ เป็นเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่หลวงพ่อชู เตชธมฺโม วัดทัพชุมพล สร้างและปลุกเสกขึ้นมาตามศาสตร์วิชาตำราที่ตกทอดมาจากสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทั้งนี้หลวงพ่อชูได้จารอักขระยันต์ตัว “กิ” ที่ใต้ฐานนกถึดทือไว้ และนั้นก็คือยันต์หัวใจพญานกถึดทือเวลาจะบูชาให้ภาวนาว่า “กิ ปิ พิ คิ” ท่านที่สนใจเช่าบูชา วัตถุมงคล หลวงพ่อชู วัดทัพชุมพล สามารถเช่าบูชาได้ที่เว็บไซต์ www.AmuletAsia.com
อย่างไรก็ตามมีคติความเชื่อว่า การภาวนาว่า “กิ ปิ พิ คิ” ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความเมตตา ดีเหลือจะพรรณนาทางการเสี่ยงโชค เรียกว่า แรงจริงเรื่องโชคลาภ ดีทางขยันทำมาหากิน เป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ เรียกทรัพย์ รับโชคลาภ อธิษฐานจิตได้ดั่งใจ อีกทั้งป้องกันคุ้มภัย ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ได้อย่างยอดเยี่ยม
ในการจัดสร้างเครื่องราง นกถึดทือ เจ้ามือวิ่งหนี หรือ นกถึดทือ กระพือเรียกลาภา จัดเป็นเครื่องรางที่แทบจะกลายเป็นตำนาน เจ้าตำรับคือ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ
มีเรื่องเล่ากันว่า สมัยก่อนหลวงปู่ศุข มาพักที่วังนางเลิ้งของเสด็จในกรม พอเสด็จในกรม และพระชายา เข้าไปกราบแล้ว ก็เหลือบรรดานายทหาร และคนรับใช้ประจำวัง เข้าไปกราบ หลายคนขอพระเครื่อง ตะกรุดสารพัด แต่อีกหลายคนติดเบี้ยบ่อน มาขอของดีหลวงปู่ศุข ไปแก้มือ ไปล้างแค้นเจ้ามือ ท่านจะไม่ให้พระ แต่จะเขียนยันต์นกถึดทือให้ไป ปรากฏว่า เจ้ามือทั้งนางเลิ้ง พระนคร สี่กั๊ก ยันเสาชิงช้า ต้องปิดบ่อนหนีบรรดาศิษย์นกถึดทือหมด แก้มือสำเร็จ ร่ำรวยไปตามๆ กัน จนเจ้ามือขยาด ถ้ารู้ว่าเป็นพวกนกถึดทือ จากวังนางเลิ้ง จะไม่รับเข้าไปเล่น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าตำนานเก่า ยืนยันว่า วิชาดี มีอยู่จริง เป็นของเล่นอริยะ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ เป็นเพียงเศษฝุ่นติดเท้าหลวงปู่ศุขท่านเท่านั้น ถามว่าวิชานี้มีประโยชน์อะไร ตอบว่า พระโบราณต้องมีไว้ เพราะสมัยก่อน คนติดบ่อน ติดฝิ่น มีมาก เอาเงินเอาเบี้ยไปประเคนเจ้ามือหมด เจ้ามือก็รีดไถคนจนๆ วิชานี้ ไว้ปราบเจ้ามือขี้โกง ไว้ปราบเศรษฐีเห็นแก่ได้ เพราะบรรดาเบี้ย บ่อนสมัยก่อน ก็ล้วนเสาะหาอาจารย์ดี วิชาดี เพื่อเรียกลูกค้า ให้มาเสียเงินให้มากๆ เหมือนกัน วิชานกถึดทือ ของหลวงปู่ศุข จึงเป็นวิชาเสี่ยงโชค โชคลาภ แก้เผ็ด คล้ายย้อนรอย หนามยอกเอาหนามบ่ง ชนะอาจารย์ และวิชาประจำบ่อนเบี้ยทั้งหมด
ปัจจุบัน คนหาเช้ากินค่ำกันมาก บางคนชอบเสี่ยงโชค บางคนชอบเล่น ชอบพนัน ซ้ำบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านมีมากมาย หลายคนหอบเงินแสนเงินล้านไปเสี่ยงโชค และเสียมากกว่าได้ เพราะบ่อนเหล่านี้ก็เสาะหาอาจารย์ดี วิชาดี ที่จะเรียกคนเรียกเงินเข้ามาเหมือนกัน เห็นที นักเล่น นักปราบเจ้ามือ ต้องนำนกถึดทือ ไปปราบเจ้ามือ ให้รู้จักหลาบจำเสียบ้างแล้ว
![]() |
นกถึดทือ หลวงพ่อชู วัดทัพชุมพล |
อย่างไรก็ตามมีคติความเชื่อว่า การภาวนาว่า “กิ ปิ พิ คิ” ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความเมตตา ดีเหลือจะพรรณนาทางการเสี่ยงโชค เรียกว่า แรงจริงเรื่องโชคลาภ ดีทางขยันทำมาหากิน เป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ เรียกทรัพย์ รับโชคลาภ อธิษฐานจิตได้ดั่งใจ อีกทั้งป้องกันคุ้มภัย ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ได้อย่างยอดเยี่ยม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)