แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พระกริ่ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พระกริ่ง แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

ค่านิยมของพระกริ่ง

สำหรับพระกริ่งที่มีชื่อเสียง และ ทรงคุณวิเศษหลายประการ มีผู้นิยมนับถือกันมาก ยิ่งในปัจจุบันนี้ ยิ่งหายาก ต้องยกให้ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ เพราะ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้างไว้จำนวนไม่มาก การจัดสร้างพระกริ่งในอดีตนั้น สร้างออกมาเพื่อใช้จริงๆ และโดยเฉพาะสายวัดสุทัศนฯ สร้างออกมาอยู่ในหลักสิบองค์ต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญ คือ การแสวงหาแร่ธาตุที่มีคุณต่างๆ นั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย

ส่วนคำกล่าวว่า ตำราสร้างพระกริ่งในยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นตำราของ สมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้ว สำนักอรัญญิกาวาส สมถธุระวิปัสสนาธุระแห่งกรุงศรีอยุธยา และมาอยู่ที่ สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ วัดพระเชตุพนฯ จากนั้น พระมงคลทิพย์มุนี (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส ก่อนที่จะมาตกอยู่ที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เมื่อครั้งยังทรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพโมลี

สำหรับมูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้างพระกริ่งและพระชัยวัฒน์นั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ทรงเล่าว่า เมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯ เสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำอธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปกติ พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จ ไปนำพระกริ่งที่วัดบวรนิเวศ แต่สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่งแช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์ แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ ส่วนจะเป็นพระกริ่งสมัยไหน พระองค์ท่านรับสั่งว่า จำไม่ได้ เมื่อถามถึงความแตกต่างของพุทธคุณพระกริ่ง ที่มีการจัดสร้างในอดีตกับปัจจุบัน

พระกริ่ง วัดสุทัศน์ฯ

 "พุทธคุณของพระกริ่งนั้น ส่วนใหญ่จะมีพุทธคุณดีทุกด้าน ในกรณีของพระกริ่งเขมรนั้น จะมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี ทั้งนี้จะแตกต่างกับพระกริ่งจีน จะมีพุทธคุณโดดเด่นทางด้านการรักษาโรค เช่นเดียวกับพระกริ่งที่สร้างในเมืองไทย และพระกริ่งที่มีพุทธคุณเด่นด้านรักษาโรคนั้น ต้องยกให้พระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) แห่งวัดสุทัศนฯ ด้วยมวลสารพิธีกรรม และฤกษ์ ทำให้พระกริ่งที่สร้างในยุคก่อนมีความเข้มขลัง สามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคได้ แต่การสร้างพระกริ่งยุคหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรัด แม้ว่าจะเป็นเนื้อนวโลหะครบตามสูตร แต่การจารยันต์ และฤกษ์การเทนั้น ไม่เป็นตามตำรา พระกริ่งยุคหลังจึงนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกินรักษาโรคไม่ได้ดีเท่าในอดีต" นี่จึงเป็นที่มาและค่านิยม ของคนที่สนใจในพระกริ่งนั้นเอง

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก

หลวงพ่อมาลัย หรือ พระครูอุทัยธรรมสาคร แห่งวัดบางหญ้าแพรก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร อาจารย์ "ตี๋ใหญ่" ขุนโจรนามกระเดื่องขนานแท้

หลวงพ่อมาลัย
ประวัติหลวงพ่อมาลัย
เดิมชื่อ มาลัย แตงอ่อน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 8 กันยายน 2483 ตรงกับ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ณ บ้านเลขที่ 63 หมู่ 8 ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร บิดา ชื่อ นายบุญธรรม แตงอ่อน มารดาชื่อ นางกิม แตงอ่อน มีพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น 6 คน

บวชเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2509 เวลา 13.00 น. ณ วัดบางกระดี่ ตำบลแสมดำ อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่ออายุ 25 ปี พระเทพณานมุนี วัดราชโอรสาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ อาจารย์สง่า การวิโก วัดบางกระดี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอาจารย์สงวน อาสโภ วัดกำพร้าเป็นพระอนุสาวนาจารย์ 

เดิมทีหลวงพ่อมาลัยตั้งใจเอาไว้ว่าจะบวชพรรษาเดียวแล้วจะสึก เพราะฐานะทางบ้านยากจนและไม่มีใครช่วยพ่อ-แม่ ส่วนญาติพี่น้อง ก็มีเหย้ามีเรือนกันไปหมดแล้ว แต่ก็เหลือน้อง ๆ อีก 2 คน

ครั้งขณะที่หลวงพ่อมาลัย บวชเป็นพระอยู่นั้น พรรษาแรกก็สวดพระปาฎิโมกข์ภาษารามัญได้ชัดเจน จนเพื่อน ๆ พระด้วยกันขอคำแนะนำหลายรูป แต่ก็ล้มเหลว วันหนึ่งมีคุณสุนทร เขาแกร่ง บ้านเดิมเขาอยู่บางกระดี่ ท่านบวชอยู่ที่วัดบางหญ้าแพรกและท่านได้ชวนหลวงพ่อมาัลัย มาเที่ยวที่วัดบางหญ้าแพรก กับเพื่อนพระด้วยกัน ในขณะนั้น พระครูสาครอรรถโกวิท เป็นเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรกอยู่ อายุท่านประมาณเกือบ 70 ปี สมัยนั้นวัดบางหญ้าแพรกมีพระจำพรรษาไม่มาก ไม่เกิน 9 รูปทั้งวัด หลวงพ่อมาลัยขึ้นแสดงพระปาฎิโมกข์ มีโยมฝั่งมอญ โยมเป๊อะ โยมแหยบที่มาคอยสังเกตการณ์

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2517 ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พระเทพสาครมุนี (หลวงพ่อแก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม (ช่องลม) มอบตราตั้งเจ้าอาวาสแก่หลวงพ่อมาลัยโดยให้ดูแลพระภิกษุ สามเณร ภายในอาวาสให้เรียบร้อย ซึ่งสมัยนั้นพระครูโกมุทธรรมธาดา (พระมหาสมัย) วัดป้อมวิเชียรโชติการามเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองได้พิจารณาว่าในตำบลท่าฉลอม วัดใดที่มีเจ้าอาวาสที่ดำรงตำแหน่งก่อน ซึ่งหลวงพ่อมาลัยก็เป็นเจ้าอาวาสก่อนวัดอื่น ๆ จึงได้ดำรงค์ตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลมาจนทุกวันนี้ หลวงพ่อมาลัยเป็นพระฐานานุกรมมา 2 ครั้ง เป็นพระครูวินัยธร เป็นพระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ของหลวงพ่อพระวิสุทธิวงษาจารย์ เจ้าคณะภาค 15 วัดเทพธิดาราม กรุงเทพ ฯ และมอบให้ท่านกำนันวิเชียร อากาศ ทำงานพระพุทธศาสนา

วัตถุมงคล หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2554 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อมาลัย ได้ร่วมกันจัดสร้าง พระกริ่ง ม.ล.72 ปี ขึ้น เพื่อจัดหารายได้ในการก่อสร้างกุฏิเจ้าอาวาส งบประมาณก่อสร้างประมาณ 4,000,000 บาท โดยทางวัดยังขาดจตุปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก

พระกริ่ง ม.ล.72 ปี รุ่นนี้จัดสร้างเป็น 3 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย พระกริ่ง ม.ล.72 ปี 1.เนื้อกะไหล่ทอง จำนวนจัดสร้าง 500 องค์ 2.เนื้อสำริดรมดำ จำนวนจัดสร้าง 500 องค์ 3.เนื้อทองระฆัง จำนวนจัดสร้าง 500 องค์ พระกริ่ง ม.ล.72 ปี ทุกองค์ในพิธีได้บรรจุเส้นเกศาของหลวงพ่อมาลัยไว้ใต้ฐานพร้อมทั้งตอกโค้ด กำกับทุกองค์ โดยใต้ฐานจะมียันต์อักขระมอญรามัญ เป็นแบบต้นฉบับสายมอญรามัญโดยเฉพาะของหลวงพ่อมาลัย พร้อมกับระบุอักษรย่อว่า ม.ล.72 ใต้ฐาน

พระกริ่ง ม.ล.72 เนื้อทองระฆัง
พระกริ่งรุ่นนี้ ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษก 2 วาระด้วยกันคือ วาระที่ 1 ณ พระอุโบสถหลังใหม่วัดบางหญ้าแพรก เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2554 เวลา 19.39 น.หลวงพ่อมาลัย นั่งอธิษฐานจิตเดี่ยว วาระที่ 2 ณ พระอุโบสถหลังเก่า (โบสถ์มหาอุด) วัดบางหญ้าแพรก เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2554 โดยมี หลวงพ่อมาลัย อุทโย นั่งอธิษฐานจิตเดี่ยว พระกริ่ง ม.ล.72 ปี สนใจเช่าบูชาได้ที่วัดบางหญ้าแพรก ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร

นอกจากพระกริ่ง ม.ล.72ปีแล้ว ยังมีวัตถุมงคลอื่นๆ อีก อย่างเช่น ตะกรุดตี๋ใหญ่ พระสมเด็จไผ่ ที่เป็นวัตถุมงคลขึ้นชื่อของหลวงพ่อมาลัย

รูปภาพบางส่วนในงานพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลชุดรวมกรุ หลวงพ่อมาลัย

พิธีพุทธาภิเษก 3 ครั้ง

หลวงพ่อมาลัย นั่งปรกอธิษฐานจิต

เรียบเรียงจากที่มา :
www.watbangyapraek.com
www.samuthprakarn.com/พระกริ่ง-ม-ล-72-ปี-หลวงพ่อมา/